ไทยขาดดุลการค้าจีนต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ไทยขาดดุลการค้าจีน 45,364 ล้านดอลลาร์ สูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ไทยขาดดุลการค้าจีน 19,232 ล้านดอลลาร์ โดยไทยนำเข้าสินค้าจากจีน 31,564 ล้านดอลลาร์
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า การส่งออกไปตลาดจีนเดือนเม.ย.2568 มูลค่า 3,549 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วขยายตัว 3.2% และนำเข้า 8,820 ล้านดอลลาร์ เป็นการนำเข้าสินค้าจีนรายเดือนสูงเป็นประวัติการณ์ รวมแล้วไทยขาดดุลการค้า 5,271 ล้านดอลลาร์
รวม 4 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกไปจีน 12,331 ล้านดอลลาร์ นำเข้า 31,564 ล้านดอลลาร์ ขาดดุลการค้า 19,232 ล้านดอลลาร์
เมื่อดูรายละเอียดการนำเข้าจากจีน 5 อันดับแรก ในเดือนเม.ย.2568 ไทยนำเข้าหลายรายการสูงขึ้น โดยนำเข้าเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ มูลค่า 1,667 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 110.6% รองลงมาเป็นเครื่องจักรกล และส่วนประกอบ 848.2 เพิ่มขึ้น 37.8%
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 658.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21.6% , เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 506.8 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35.1% และเคมีภัณฑ์ 496.8 ล้านดอลลาร์ ลดลง 11.0%
ชี้ไทยเร่งนำเข้าวัตถุดิบจีน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวว่า การนำเข้าจากจีนที่สูงมากอาจมาจากการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตเพื่อการส่งออก โดยความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ผู้นำเข้าเร่งนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตส่งออก ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะต่อเนื่องถึงเดือนพ.ค.นี้
ในขณะที่การส่งออกไปจีนลดลงอาจมาจากการส่งออกผลไม้ไปจีนลดลง ซึ่งเป็นผลจากสภาพอากาศทำให้ผลผลิตลดลง โดยประเมินว่าครึ่งหลังปี 2568 หรือหลังจาก 90 วัน ที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีทั่วโลกแล้ว จะมีความชัดเจน ขณะนี้ความไม่ชัดเจนทำให้ทุกประเทศต้องเร่งนำเข้าวัตถุดิบขั้นต้นจำนวนมาก
สำหรับการส่งออกของไทยปี 2568 ต้องรอดูว่าภายใน 1 เดือนจากนี้สหรัฐจะตอบรับการเจรจาอย่างไร ซึ่งสหรัฐเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยมีสัดส่วนถึง 19% อีกทั้งหากสหรัฐเก็บภาษีอัตราไม่เท่ากันทั่วโลกจะกระทบซัพพลายเชน และทำให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐถูกเก็บภาษีมากกว่าคู่แข่ง
ไทยขาดดุลจีน “ปัญหาเรื้อรัง”
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย หรือ CIMBT กล่าวว่า แม้การส่งออกของไทยในเดือนเม.ย. จะขยายตัวแรงกว่า 10% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่อย่าเพิ่งวางใจกับตัวเลขที่ดูสดใส เพราะภาพรวมทั้งปีอาจไม่ได้สดใสอย่างที่คิด
โดยการส่งออกที่ขยายตัวแรง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน และพฤติกรรมของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐที่เร่งนำเข้าสินค้าก่อนมาตรการทางการค้าจะมีผลช่วงกลางปี แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมระดับโครงสร้างพบว่ายังมีความเปราะบาง
“เรายังเห็นปัญหาเดิมคือ การนำเข้าจากจีน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง และส่งออกที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในประเทศ หรือไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ ก็อาจไม่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าไทยบางส่วนยังเป็นเพียงการส่งผ่าน หรือ zero value-added export คือ ไทยเป็นเพียงจุดพักหรือจุดส่งออกต่อ โดยไม่มีการผลิตหรือเพิ่มมูลค่าในประเทศ สะท้อนการเชื่อมโยงต่ำกับภาคเกษตรหรือภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ